เบื้องหลังมือสังหาร แมนฯ ยูไนเต็ด แห่งยุค 2000s ของ “แดนนี่ เมอร์ฟี่”
โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในช่วงยุค 2000s คือสนามสุดยากหากทีมไหนจะบุกมาเอาแต้มจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจ้าถิ่นได้ง่าย ๆ … เพราะพวกเขาแกร่งทั่วแผ่น ณ เวลานั้น

โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในช่วงยุค 2000s คือสนามสุดยากหากทีมไหนจะบุกมาเอาแต้มจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจ้าถิ่นได้ง่าย ๆ … เพราะพวกเขาแกร่งทั่วแผ่น ณ เวลานั้น
อย่างไรก็ตาม มีนักเตะของ ลิเวอร์พูล คนหนึ่งที่เห็น โอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นเหมือนสนามหลังบ้าน กล่าวคือลงเมื่อไหร่ยิงประตูเมื่อนั้น และกลายเป็นตัวแสบอันดับ 1 สำหรับปีศาจแดงยุคนั้น
นี่คือเรื่องราวของ แดนนี่ เมอร์ฟี่ กับเคล็ดลับการสังหารประตูในเกมที่กดดันที่สุด … เขาทำมันได้ยังไง ? ติดตามได้ที่นี่
นักเตะคัดทิ้งแห่งแอนฟิลด์
ยุค 2000s ถือว่าเป็นยุคที่ ลิเวอร์พูล เริ่มเปลี่ยนแปลงแนวทางของสโมสรใหม่ให้มีความเป็นสากลมากขึ้น หลายสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น อาทิการเลือกใช้กุนซือต่างชาติคนแรกอย่าง เชราร์ อุลลิเยร์ รวมถึงการเปลี่ยนแนวทางการทำทีม จากที่เคยโอ๋และใช้นักเตะในสหราชอาณาจักรเป็นหลัก กลายมาเป็นทีมที่ซื้อนักเตะดี ๆ จากลีกต่างประเทศเข้ามาเสริมทัพ
ในช่วงที่ อุลลิเยร์ เข้ามาคุมทีม มีนักเตะต่างชาติเข้ามากหน้าหลายตาแบบสุด ๆ บางคนดี บางคนแย่ แล้วแต่การปรับตัวของแต่ละคน แต่ในยุคที่ อุลลิเยร์ ลุยเดี่ยว (หลังจาก รอย อีแวนส์ ลาออก) นักเตะที่เคยเป็นกำลังหลักในกลุ่มที่ชื่อว่า “สไปซ์ บอยส์” อาทิ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์, เจมี่ เรดแน็ปป์ และ เจสัน แม็คเอเทียร์ เริ่มโดนเอาออกจากทีมไปแต่ทีละคน ๆ
เหตุผลเพราะตอนนี้ อุลลิเยร์ ต้องการลบภาพการเป็น “โรลเลอร์ โคลสเตอร์ ทีม” นั่นคือทีมที่บทจะขึ้นสุดก็เล่นดีแบบไม่มีใครหยุดได้ และบทจะลงสุด ๆ ก็พร้อมจะแพ้ได้แม้กระทั่งทีมท้ายตาราง ยากที่จะได้แชมป์อะไรสักอย่าง เนื่องจากนักเตะหลายคนมีความโดดเด่นในหน้าสื่อและรูปลักษณ์ภายนอกมากเกินไป จนส่งผลต่อโฟกัสเมื่อลงแข่งขันจริง เหนือสิ่งอื่นใดคือ อุลลิเยร์ ไม่ชอบใช้นักเตะที่ควบคุมยาก
“เขาพยายามจะเปลี่ยนวัฒนธรรมฟุตบอลของสโมสรทันทีที่เข้ามา เขาขจัดเหล่านักเตะที่เป็นพวกขี้เมา และนักเตะที่รักสบาย ไร้แรงขับความทะเยอทะยานออกไปจากทีม เพื่อต้องการพาทีมไปยังจุดที่ดีที่สุด” เอียน วิธเทล นักข่าวจาก The Guardian เขียนบทความเกี่ยวกับ อุลลิเยร์ เอาไว้เมื่อ 19 ปีก่อน
นานวันเข้า ลิเวอร์พูล ก็เริ่มกลับเป็นรูปเป็นร่างด้วยเหล่านักเตะต่างชาติที่เขาซื้อมา รวมกับส่วนผสมนักเตะท้องถิ่นที่มีทัศนคติตรงกับปรัชญาฟุตบอลของเขา และหนึ่งในดาวรุ่งที่ได้รับความไว้วางใจให้ได้ลงสนามบ่อย ๆ ณ เวลานั้นคือ แดนนี่ เมอร์ฟี่ นักเตะที่ถูกซื้อมาตั้งแต่ยุค รอย อีแวนส์ และในช่วงเวลานั้นทุก ๆ ซัมเมอร์จะมีการบอกกันว่า แดนนี่ เมอร์ฟี่ คือนักเตะคลาสไม่ถึง และเตรียมจะถูกขายทิ้งให้กับทีมที่เล็กกว่า
เมอร์ฟี่ ไม่ได้มีแต้มต่อเหมือนกับนักเตะคนอื่น ๆ เขามาจากทีมเล็ก ๆ อย่าง ครูว์ อเล็กซานดรา และตำแหน่งของ เมอร์ฟี่ ก็ไม่เคยชัดเจนเลยสักอย่าง บางทีเล่นกลางรับ บางเกมเล่นกลางรุก และบางครั้งก็เป็นปีกขวา … ซึ่งว่ากันตรง ๆ ณ เวลานั้น หากถามว่า เมอร์ฟี่ ในช่วงดาวรุ่งมีจุดเด่นตรงไหน ? คำตอบอาจจะเป็นเสียงเงียบ เพราะไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าหมอนี่เก่งตรงไหนกันแน่ … นั่นคือสิ่งที่ เมอร์ฟี่ เป็นมาตลอด และในยุคของ อุลลิเยร์ เขาบอกว่าเขาจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว
“ในช่วงปี 1999 เราส่ง แดนนี่ กลับไปเล่นที่ ครูว์ ทีมเก่าของเขา เมื่อเขากลับมา เขายื่นคำขาดกับผมว่าผมต้องได้ลงเล่นสม่ำเสมอ” อุลลิเยร์ ผู้ล่วงลับกล่าวกับ Sky Sports
“ผมเลยบอกเขาว่า ผมให้สัญญากับเขาไม่ได้หรอก ผมเลยจะหาวิธีใหม่ นั่นคือหาสโมสรใหม่ให้กับเขา แต่รู้ไหมเมื่อเราแฟ็กซ์ออกไป ไม่เห็นมีสโมสรไหนสักสโมสรตอบกลับ … ไม่มีทีมไหนอยากจะได้ตัวเขาเลย”
“ผมแมนพอนะ เมื่อมันเป็นอย่างนั้น ผมไปคุยกับบอร์ดบริหาร ผมบอกว่า เราจะเก็บเขาไว้ เขายังเด็กมาก เราจะลองดูว่าเขาจะให้อะไรเรากลับมา ผมจะต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่อง”